John Myung
จอห์น โร ไมอัง (อังกฤษ: John Ro Myung) นักดนตรีชาวอเมริกัน (พ่อแม่เป็นชาวเกาหลี) เกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม ปี พ.ศ. 2510 ที่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ต่อมาครอบครัวของเขาก็ย้ายไปยัง ลองไอส์แลนด์ รัฐนิวยอร์ก ครั้งเมื่อเขายังเป็นเด็ก จอห์น กล่าวว่าแม่ของเขาชอบฟังเพลงคลาสสิก
และเมื่ออายุได้ 5 ขวบ เขาก็ได้เริ่มเรียนไวโอลีน เมื่อ จอห์น อายุได้ 15 ปีเพื่อนบ้านของเขาชักชวนให้เขาเล่นเบสในวงด้วย ทำให้ จอห์น สามารถเล่นเบส 4 สายได้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเครื่องดนตรีทั้ง 2 จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ จอห์น ก็สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งทำให้เขาไม่ได้เล่นไวโอลีนอีกเลยตั้งแต่นั้นมา อิทธิพลทางการเล่นเบสของ จอห์น ไมอัง ได้รับมากจาก Chris Squire แห่งวง Yes, Steve Harris วง Iron Maiden และ Geddy Lee วง Rush ยังไงก็ตามเขาก็ยังฟังเพลงของวง Jane's Addiction, King's X และ The Red Hot Chili Peppers อีกด้วย เช่นเดียวกับ ดนตรี classic และ blue จอห์น เป็นสมาชิกในวงเพียงคนเดียวที่ยังคงอยู่ใน Long Island กับภรรยาของเขา ชื่อ Lisa นอกจากจะออกทัวร์และเล่นเบสแล้ว เขายังใช้เวลาว่างในการตกปลา ออกกำลังกาย และอ่านหนังสือ
เส้นทางดนตรีของจอห์น ไมอัง กับ Dream Theater

ต่อมาเดือนพฤศจิกายน Chris Collins ก็ได้ออกจากวง ทำให้มีความจำเป็นในการหานักร้องคนใหม่ โดยที่วงยังคงแต่งเพลงและอัดเดโมต่อไป โดยเพลงบรรเลงของวงบางเพลงก็เริ่มคิดได้ ณ ช่วงเวลานั้นอีกด้วย ในที่สุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1987 วงก็ได้มีนักร้องคนใหม่คือ Charlie Dominici ด้วยความกระตือรือล้นในการจำหน่ายเดโมอย่างเป็นมืออาชีพมากขึ้นทำให้เขาได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง Mechanic Records และก็เริ่มทำอัลบั้ม “When Dream and Day Unite” เป็นที่น่าโชคร้าย ก่อนที่พวกเขาจะทำงานเพลงต่อไป ชื่อวงของพวกเขาได้ไปซ้ำกับวงจาก Las Vegas วงหนึ่งชื่อ Majesty เหมือนกัน ทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนชื่อวงใหม่ ชื่อใหม่ของวงได้ถูกตั้งขึ้นใหม่โดย Howard Portnoy ซึ่งเป็นพ่อของ Mike Portnoy โดยเขาแนะนำว่าให้ใช้ชื่อว่า Dream Theater ซึ่งเป็นชื่อโรงภาพยนตร์หนึ่งในรัฐ California ที่ถูกรื้อไปแล้ว ต่อมาอัลบั้ม “When Dream and Day Unite” ได้บันทึกเสียงเสร็จและจำหน่ายไปยังคนฟัง progressive rock โดยได้รับความสนใจบ้างจากหมู่คนฟัง progressive rock แต่เป็นที่น่าโชคร้ายที่วงถูกยับยั้งไม่ไห้เล่นในคลับและบาร์ เนื่องจากค่าย Mechanic ขาดแคลนเงินทุนในการเตรียมการออกทัวร์ของวง
เมื่อออกจากค่าย Mechanic ทำให้ Charlie Dominici ต้องออกจากวง จึงทำให้ต้องหานักร้องคนใหม่มาแทน ซึ่งต่อมา Chris Cintron, John Arch, Steve Stone และ จอห์น Hendricks และคนอื่นๆอีกมาก ได้รับการ audition แต่ก็ได้ถูกปฏิเสธไปทุกราย จนในที่สุดปลายปี 1991 ได้มีเทปม้วนหนึ่งจาก Canada ซึ่งเป็นนักร้องจากวง Winter Rose ชื่อว่า Kevin LaBrie ทำให้วงต้องเรียกเขามาที่ New York เพื่อการ audition โดยเขาได้ร้องเพลง To Live Forever, Learning to Live และ Take the Time และวงจึงตัดสินใจรับเขาเข้ามาเป็นนักร้องของ วงท่ามกลางผู้ที่มาสมัครกว่า 200 คน เนื่องจากมีสมาชิกในวงที่มีชื่อ จอห์น 2 คนและ 1 Kevin ที่มีอยู่แล้ว ทำให้ LaBrie ต้องใช้ชื่อกลางของเขาคือ James มาเป็นชื่อแรกของเขาเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในวง

ต่อมาหลังจากการออกทัวร์ วงก็เริ่มที่จะทำอัลบั้มที่ 3 ต่อไปในเดือนพฤษภาคมปี 1994 ชื่ออัลบั้มว่า “Awake” และบันทึกเสียงเสร็จเมื่อเดือนกรกฎาคม แต่ก่อนได้ mix เสียงเสร็จ Kevin Moore ก็ขอลาออกจากวงเพื่อไปทำอัลบั้มตัวเองต่อไป เพื่อให้การทัวร์ The Waking Up The World tour ได้ดำเนินต่อไป วงก็ได้จ้างให้ Derek Sherinian มาเล่นคีย์บอร์ดชั่วคราวไปก่อนที่จะหา มือคีย์บอร์ดมาแทน Kevin ทางวงสนใจในตัว Jordan Rudess แต่เขาก็ได้รับงาน ของวง Dixie Dregs ไปก่อนแล้ว จึงได้มีมือคีย์บอร์ดคนอื่นมา audition เช่น Jens Johansson (วง Stratovarius) แต่ก็ได้ถูกปฏิเสธไป และในที่สุดวงจึงตัดสินใจให้ Derek Sherinian เป็นมือคีย์บอร์ดของวงเต็มตัว
ในเดือนเมษายน ปี 1995 วงก็ได้ไป BearTracks Studios เพื่อบันทึกเสียงเพลงมหากาพย์ยาว กว่า 23 นาที A Change of Seasons ที่ได้แต่งโดยดั้งเดิมเมื่อปี 1989 เพลงนี้ได้มีการเปลี่ยนโครงสร้างของเพลงอีกด้วย โดยที่ Derek Sherinian ได้มีส่วนในการแต่งช่วงคีย์บอร์ดในเพลง ในที่สุดเมื่อ 19 กันยายน 1995 EP อัลบั้ม “A Change of Seasons” (ชุดนี้ไม่จัดอยู่ในอัลบั้มเต็ม) ก็ได้ออกวางจำหน่าย โดยได้รับความสนใจจากแฟนเพลงได้อย่างดี ต่อมาพวกเขาก็ได้เริ่มบันทึกเสียงอัลบั้ม “Falling Into Infinity” ซึ่งอัลบั้มนี้แต่เดิมมี 2 cd แต่น่าเสียดายที่ค่าย Elektra ไม่อนุญาตให้ออก cd คู่ ทางวงจึงทำออกมาเพียงแค่ 1 เท่านั้น หลังจากการออกทัวร์ของ Into Infinity world tour วง Dream Theater จึงหยุดพัก เพื่อสมาชิกในวงได้มีโอกาสได้ทำงาน side project ของตนเอง เช่น จอห์น Petrucci และ Mike ตั้งวง Liquid Tension Experiment โดยมี Jordan Rudess และ Tony Levin มาร่วมเล่นด้วย
นอกจากนั้น จอห์น Petrucci ยังมีโปรเจกต์เป็นมือกีตาร์ใน Explorer's Club ของ Trent Gardner ส่วน Derek ก็มีโซโล่อัลบั้มของตัวเอง, James เป็นนักร้องและศิลปินรับเชิญในอัลบั้มที่ 3 ของวง Shadow Gallery จอห์น ไมอัง และ Derek Sherinian ยังได้เล่นร่วมกับวง King's X ซึ่งมี Ty Tabor เป็นนักร้อง และ จอห์น ไมอัง ยังมี side-project กับวง Platypus อัลบั้ม “When Pus Comes To Shove“เมื่อปี 1998 และวง the Jelly Jam ทั้ง 2 อัลบั้มอีกด้วย และในระหว่างการทำ Side-project ของแต่ละคนนั้น ทางวงได้หาช่องทางในการออก live 2CD และ video ที่มีชื่อว่า “Once in a LIVE time” ซึ่งได้รับการบันทึกเสียงกว่า 2 คืนในยุโรป ซึ่งวิดีโอประกอบไปด้วย live shows, การทำงานใน studio และคำวิจารณ์ต่างๆของ Mike Portnoy

ต่อมาค่าย Elektra ได้ให้อิสระแก่วง Dream Theater เต็มที่ในการสร้างสรรค์งานอย่างอิสระในการทำอัลบั้มต่อไป ผลก็คือเป็นหนึ่งในอัลบั้มตำนานของแนว prog rock ตลอดกาลคืออัลบั้มมหากาพย์ “Scenes From A Memory” ความยาว 77 นาที ที่ออกมาเมื่อปลายปี 1999 ซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็น concept album ที่ดีที่สุดตั้งแต่ที่วง Queensryche เคยทำอัลบั้ม Operation: Mindcrime มา และต่อมาก็ได้ออก DVD บันทึกการแสดงสดเป็นครั้งแรกอีกด้วย ซึ่ง Metropolis 2000- live from New York เป็นบันทึกการแสดงสดที่แฟนเพลงต่างรอคอย และเพื่อเป็นเป็นของขวัญสำหรับผู้ที่ไม่มี DVD Mike ตัดสินใจที่จะออก CD live album 3 แผ่นจาก Metropolis 2000 concert และครั้งนี้ก็เป็นการออกอัลบั้มบันทึกการแสดงสดที่ไม่ราบรื่นเพราะอัลบั้มนี้ออกเมื่อ 11 กันยายน 2001 ที่ตรงกับช่วงวันแห่งโศกนาฏกรรมตึก World Trade Center ถล่ม ซึ่งนับว่าเป็นความบังเอิญอย่างมากในการออกแบบภาพปกของซีดี เนื่องจากหน้าปก มีรูปแอปเปิ้ลเผาไฟ ที่ดัดแปลงมาจากรูปหัวใจเผาไฟจากอัลบั้ม Images and Words กับโครงสร้างอาคารในกรุง New York ท่ามกลางเปลวไฟ จึงมีการเรียกคืนซีดีที่วางจำหน่ายไปแล้ว และเปลี่ยนแบบปกใหม่ภายและวางจำหน่ายอีกครั้งในเวลาต่อมา
ต่อมาทางวงก็พยายามที่จะบันทึกเสียงอัลบั้ม ที่ 6 ของพวกเขาต่อไป ซึ่งมีทีมงานที่เคยทำในชุด Image and Word ด้วย โดยที่ Mike Portnoy และ จอห์น Petrucci เป็น producer โดยวงพยายามสร้างสรรค์งานมหากาฟย์อีกครั้ง อัลบั้ม “Six Degrees of Inner Turbulence” เป็น concept album คู่ (2-CD studio album) ที่ออกเมื่อเดือน มกราคมปี 2002 และได้รับการต้อนรับอย่างดีจากแฟนเพลง ซึ่ง Disc #1 ประกอบไปด้วยความยาวกว่า 50 นาที และ Disc #2 ประกอบไปด้วยความยาวกว่า 42 นาที ซึ่งอัลบั้มนี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสมควรน่ายกย่องเพียงใด ต่อมา Dream Theater ก็ได้ออกอัลบั้มที่ 7 ที่มีชื่อว่า “Train of thought” และออก DVD คู่ บันทึกการแสดงสด Live at budokan และ3 CD บันทึกการแสดงสดอีกด้วย
ในปี 2005 ทางวงก็ไม่รอช้าที่จะออกอัลบั้มที่ 8 ที่มีชื่อว่า “Octavarium” ออกมา อัลบั้มนี้ไม่เพียง studio album ที่ 8 ของวงเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงที่ครบ 20 ปีของวงพอดี นักดนตรีแต่ละคนยังมีโปรเจกต์และโซโล่อัลบั้มที่อัปเดตต่างๆมากมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น